บทความ

< กลับ

6 ข้อที่ต้องดูแลเมื่อรถต้องจอดทิ้งไว้นานๆ

6 ข้อที่ต้องดูแลเมื่อรถต้องจอดทิ้งไว้นานๆ

ช่วงสถานะการณ์โควิดแบบนี้หลายคนต้องจอดรถยนต์ทิ้งไว้นานๆ คงสงสัยว่าจะเกิดปัญหาอะไรมั๊ย?? 

ต้องบอกว่ามี ปัญหา แน่ๆ วันนี้จึงขอแนะนำเทคนิคการดูแลรถที่ไม่ได้ใช้นานๆ มาฝาก วิธีนี้นอกจากจะเหมาะสำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานรถยนต์แล้ว คนที่กำลังวางแผนเดินทางไกลไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ก็สามารถเอามาปรับใช้กันได้ตามความเหมาะสมกันเลยนะคะ

เริ่มแรกเลยสิ่งที่เราจะต้องดูจะมีอยู่ 6 เรื่องด้วยกัน คือ 

1. แบตเตอรี่ 
หลายคนเจอปัญหารถไม่ค่อยได้ใช้ พอจะกลับมาใช้งานทำไมแบตเตอรี่หมด แบตเสื่อม ไม่มีประจุ ต้องขอบอกตรงนี้ก่อนว่าถึงแม้ว่าจะไม่มีการเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าไว้ก็ตาม แต่ในความจริงแบตเตอรี่ก็ยังคงมีการจ่ายกระแสไฟฟ้าไปเลี้ยงระบบในรถยนต์อยู่ เช่น ระบบกันขโมย หรือ ระบบควบคุม (ECU) หากจอดไว้โดยไม่มีการติดเครื่องยนต์เป็นระยะเวลานานก็ทำให้แบตเตอรี่หมดประจุได้ เมื่อแบตเตอรี่หมดประจุก็ต้องมีการพ่วงเพื่อสตาร์ท ซึ่งถ้าปล่อยให้แบตหมดแล้วพ่วงอยู่บ่อยๆ ก็จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้นะคะ

  • ข้อแนะนำที่เป็นหลักสากลก็คือหากไม่ค่อยได้ใช้รถยนต์ก็แนะนำให้มีการสตาร์ทเครื่องยนต์ไว้ 10 นาที หรือมากว่า อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือหากทำได้ทุกวันก็จะดี เป็นการช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ค่ะ (สตาร์ทอยู่กับที่เฉยๆ นะคะ)

2. ของเหลวในรถยนต์
หากรถไม่ค่อยได้ใช้เมื่อกลับมาใช้งานก่อนจะออกจากบ้าน แนะนำให้ทำการเช็คของเหลวต่างๆ ในรถของเราก่อนครับว่าพร้อมใช้งานมากน้อยขนาดไหน เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ เพื่อหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนต่างๆ ไม่ให้เกิดสนิม

เพิ่มเติมสำหรับเรื่องของน้ำมันเครื่องที่หลายๆ คนมักจะสงสัยกันว่าถ้ารถไม่ค่อยได้วิ่งจะต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อไหร่ถึงจะเหมาะสม  โดยทั่วไปเราจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องกันทุก 5,000 กิโลเมตร หรือ 10,000 กิโลเมตร แต่สำหรับคนที่ใช้รถน้อยๆ หากอ้างอิงตามระยะทางในระยะเวลาปีหนึ่งอาจจะไม่ได้ถ่ายน้ำมันเครื่องเลย

  • ดังนั้นต้องอ้างอิงตามระยะเวลา โดยเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุกๆ 6 เดือน หรือตามที่คู่มือกำหนด อย่าคิดว่าไม่ได้ใช้แล้วจะไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เพราะน้ำมันเครื่องก็มีวันหมดอายุและเสื่อมสภาพด้วยตัวเองได้เหมือนกัน หากปล่อยไว้นานจนน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพและนำรถมาใช้งาน เครื่องยนต์จะมีการสึกหรอมากกว่ารถยนต์ที่ใช้งานทุกวันเสียอีกค่ะ

3. ลมยาง / ยางรถยนต์
หากเราจะต้องจอดรถเอาไว้เป็นระยะเวลานานๆ แนะนำให้เติมลมยางมากกว่าปกติหรือแนะนำให้นำรถไปขับเคลื่อนที่ เพื่อให้ยางได้หมุนบ้าง เพราะการจอดรถอยู่กับที่นานๆ เช่น มากกว่า 1 เดือนขึ้นไป จะทำให้เกิดอาการยางไม่คืนตัว ทำให้โครงยางเสียรูป ไม่กลม เมื่อนำรถยนต์ไปขับขี่ภายหลัง อาจทำให้เกิดอาการสั่นเต้นและเกิดเสียงดังผิดปกติได้ค่ะ

4. สตาร์ทเครื่องยนต์พารถของเราไปยืดเส้นยืดสายบ้าง
เรื่องของระบบต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ ถือว่าเป็นเรื่องที่เราไม่ควรมองข้ามนะคะ ว่าควรสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานและชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่บ้าง แต่อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือควรจะพาไปขับเพื่อยืดเส้นยืดสายบ้าง เพราะเนื่องจากในรถยนต์นั้นมีชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่เป็นจุดหมุน เช่น ระบบช่วงล่าง ลูกหมากต่างๆ แม้กระทั่งยางและล้อ หากปล่อยให้อยู่กับที่นานๆ ไม่มีการขยับตัวก็อาจเกิดอาการเส้นยึดได้ และอาจทำให้เกิดการสึกหรอได้ง่ายกว่ารถที่ใช้งานประจำ แนะนำให้มีการขับเพื่อยืดเส้นยืดสายช่วงล่างของรถยนต์บ้างเพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานนะคะ

5. การทำความสะอาดรถ
เพื่อไม่ให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกเกาะอยู่ที่สีรถนานเกินไปจนยากที่จะล้างออก ควรมีการทำความสะอาดรถก่อน จึงค่อยคลุมผ้าคลุมรถเพื่อป้องกันฝุ่น และรักษาสีของรถยนต์ให้ดูเหมือนใหม่

6. สถานที่ในการจอดรถ
ควรจอดรถในที่ร่ม หลีกเลี่ยงการจอดรถใต้ต้นไม้และสถานที่เปียกชื้น หรือใกล้ถังขยะ เพราะอาจมีโอกาสที่หนูเข้ามาอาศัยหรือทำรังใต้กระโปรงรถได้ หากจอดรถใต้ต้นไม้จะต้องระวังให้มาก เนื่องจากต้นไม้จะมียางของต้นไม้ที่จะหล่นลงมา ทำให้สีรถของเราด่างได้ รวมถึงกิ่งไม้ที่ตกลงมาตามแรงลมหรืออื่นๆ ซึ่งอาจทำให้รถของเราเกิดรอยขีดข่วนได้นะคะ

--------------

             การจอดรถทิ้งไว้นานๆ ไม่ได้หมายความว่ารถของคุณจะยังสภาพดีกว่ารถที่ผ่านการใช้งานทุกวันนะคะ เพราะการจอดอยู่เฉยๆ นั่นก็เหมือนกับการรอเวลาให้สภาพเครื่องยนต์มันเสื่อมและชำรุดไปตามกาลเวลานั่นเอง

             หมั่นดูแลรถเราให้สภาพสมบูรณ์อยู่เสมอ ปลอดภัยจากอุบัติเหตุนะคะ แต่หากยังไม่อุ่นใจ ลองเลือกประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะกับสไตล์การใช้รถของคุณเพื่อเป็นเกราะคุ้มกันอีกชั้นดีไหมคะ เลือกชมประกันภัยที่เราได้คัดสรรมาให้เป็นอย่างดี ได้เลยที่ กรุงเทพประกันภัย By MCare หรือเลือกชมที่นี่ได้เลยประกันภัยรถยนต์